ปัญหาการพูดไม่ชัด
คุณนันทนา ประชาฤทธิ์ภักดี
18 พ.ค. 2553
"พูดอู้อี้ ไม่รู้เรื่อง"
"จมูกอี้มาแล้ว"
"พูดไม่ชัด ไม่ให้เล่นด้วย"
พ่อแม่คงไม่ต้องการให้ลูกถูกเพื่อน ๆ ล้อเช่นนี้ แต่เมื่อถึงวัยเข้าเรียน เป็นปกติวิสัยที่เด็ก ๆ จะล้อเลียนกันถ้าเพื่อนคนใดมีลักษณะที่แตกต่างจากกลุ่ม ดังนั้นพ่อแม่ต้องเตรียมใจไว้เลยว่า เด็กปากแหว่งเพดานโหว่จะถูกล้อเลียนแน่นอนถ้ามีปัญหาพูดไม่ชัด ถึงแม้จะได้รับการผ่าตัดตกแต่งใบหน้าจนสวยงามแล้วก็ตาม อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้พ่อแม่สามารถช่วยลูกและเตรียมป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นได้
พ่อแม่ของเด็กปากแหว่งเพดานโหว่ มักข้องใจว่าปัญหาปากแหว่งเพดานโหว่จะมีผลกระทบต่อการพูด และพัฒนาการทางภาษาอย่างไร
ถ้าเด็กมีปัญหาปากแหว่งอย่างเดียว ก็จะไม่มีปัญหาการพูด แต่ถ้ามีปัญหาปากแหว่งสองข้างและเกี่ยวข้องกับเหงือกก็อาจจะมีปัญหาการพูดได้
ส่วนเด็กเพดานโหว่ เนื่องจากมีปัญหาทางโครงสร้างของอวัยวะในการพูด ทำให้การทำงานของอวัยวะเหล่านี้ไม่ถูกต้อง เด็กไม่ได้หัดใช้อวัยวะในการพูดอย่างถูกต้อง เช่น การดูด การเคี้ยว การกลืน การเป่า ซึ่งเป็นพื้นฐานของพัฒนาการการใช้อวัยวะในการพูด เด็กปากแหว่างเพดานโหว่จึงมีความเสี่ยงต่อการมีปัญหาการพูด หลายอย่าง ได้แก่
- ปัญหาพูดไม่ชัด
- ปัญหาพูดเสียงขึ้นจมูก พูดเสียงอู้อี้ในจมูก
- ปัญหาเสียงแหบ พูดเสียงเบา
- ปัญหาจังหวะการพูด
เด็กปากแหว่งเพดานโหว่จะมีปัญหาพัฒนาการทางภาษาหรือไม่
โดยอาการของปากแหว่งเพดานโหว่แล้ว เด็กจะไม่มีปัญหาพัฒนาการทางภาษา นอกจากจะมีเป็นกลุ่มอาการโรคอื่นร่วมด้วย (ซึ่งแพทย์จะแจ้งให้พ่อแม่ทราบตั้งแต่แรก) อย่างไรก็ตาม เด็กอาจจะมีพัฒนาการทางภาษาช้าไม่เหมาะสมกับวัยได้บ้าง เนื่องจากสาเหตุต่าง ๆ อาทิเช่น เด็กอายที่มีใบหน้าประหลาดหรือพูดไม่ชัด ทำให้เกิดความไม่มั่นใจในตนเอง ไม่ยอมพูดคุยกับเพื่อน ๆ หรือคนอื่น ๆ พ่อแม่เด็กเลี้ยงดูแบบปกป้องมากเกินไป ช่วยเหลือเด็กตลอดเวลา จนเด็กไม่เห็นความสำคัญของการเรียนรู้ภาษาและการพูด หรือในทางตรงกันข้ามพ่อแม่อายไม่พาเด็กออกไปพบปะบุคคลอื่นๆ ทำให้เด็กขาดโอกาสและประสบการณ์ที่จะพัฒนาทางภาษาและการพูด เด็กเพดานโหว่บางรายมีปัญหาหูอับเสบหรือปัญหาการได้ยินซึ่งมีผลต่อพัฒนาการทางภาษาได้ หรือเด็กได้รับการผ่าตัดปากแหว่งเพดานโหว่ช้าเกินไป อีกสาเหตุหนึ่งคือ เด็กต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลบ่อยครั้ง ทำให้ไม่มีเวลาและขาดโอกาสที่จะพัฒนาการใช้ภาษาเช่นเด็กในวัยเดียวกัน อย่างไรก็ตามเด็กปากแหว่งเพดานโหว่สามารถมีพัฒนาการทางภาษาได้ทันและเท่ากับกับเด็กทั่วไปเมื่อมีอายุ 4 ปี ถ้าได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม
พัฒนาการทางภาษาและการพูดของเด็กแต่ละคนไม่เท่ากัน และไม่เหมือนกัน ทั้งยังไม่ขึ้นกับประเภทของปากแหว่งเพดานโหว่ด้วย พ่อแม่อาจจะกังวลว่าเด็กปากแหว่งเพดานโหว่พูดไม่ชัด ทั้ง ๆ ที่ได้รับการผ่าตัด และปฏิบัติตามคำแนะนำจากนักอรรถบำบัดแล้ว เด็กทุกคนจะมีช่วงระยะเวลาของช่วงพัฒนาการทางภาษาและการพูดของตนเอง บางครั้งพ่อแม่กังวลว่าลูกพูดไม่ชัด แต่จริง ๆ แล้วเด็กอาจยังอยู่ในระยะพัฒนาการพูดปรกติ เช่นเดียวกับเด็กเล็ก ๆ ที่ยังควบคุมอวัยวะในการพูดไม่ดี พูดแล้วอาจมีเสียงขึ้นจมูกบ้าง ไม่ชัดบ้าง แต่ก็ยังไม่จัดว่า เด็กมีปัญหาพูดไม่ชัด ฉะนั้นพ่อแม่ควรทราบพัฒนาการทางการพูดของเด็กปรกติ (ตาราง) เพื่อใช้เปรียบเทียบ
อายุ | เสียงที่พูดได้ในระดับคำ |
---|---|
2 ปี - 2 ปี 6 เดือน | เสียง / ค, น, ม, ย, ห, อ / |
2 ปี 7 เดือน - 3 ปี |
เพิ่ม เสียง / ก, บ, ป, ว / เสียงวรรณยุกต์ เสียงสระ เสียงพยัญชนะท้ายคำ (ตัวสะกด) เสียง / จ, ต, ท, พ, ล / เสียง / ง, ด / เสียง / ฟ, ซ, ส / เสียงควบกล้ำ / กว, คว / |
10 ปี ขึ้นไป | เพิ่มเสียง / ร / |
เมื่อเข้าใจพัฒนาการด้านการพูดแล้ว พ่อแม่ควรสนใจขั้นตอนของพัฒนาการทางภาษาควบคู่กันไปด้วย เนื่องจากพัฒนาการด้านภาษามีทั้งการรับรู้และการแสดงออก ดังนั้นจึงต้องสังเกตการใช้ภาษาทั้งสองด้าน พ่อแม่อาจจะสังเกตพฤติกรรมที่เป็นอาการเตือนของพัฒนาการทางภาษาที่ไม่เหมาะสมกับวัย
อายุ | อาการเตือน |
---|---|
3 เดือน | ไม่ตอบสนองต่อเสียงต่างๆ และเสียงพูดของพ่อแม่ |
6 เดือน | ไม่เปล่งเสียงเลย และไม่เอื้อมจับสิ่งของ |
8-12 เดือน |
ไม่สบตากับคนที่มาพูดคุยด้วย ไม่ ชี้ หรือ ส่งเสียง เพื่อแสดงความต้องการของตนเอง |
15-18 เดือน | ไม่พูดคำที่ฟังได้ชัดเจนแม้แต่คำเดียว |
18-24 เดือน | ทำตามคำสั่ง 1 คำสั่งไม่ได้ หรือพูดถ้อยคำ 2 คำยังไม่ได้ |
2 ปี 6 เดือน | ไม่ถามคำถาม และไม่ตอบสนองต่อคำถาม "ใช่" "ไม่ใช่" |
3-4 ปี |
ไม่พูดเป็นประโยค และพูดแล้วคนอื่นฟังไม่รู้เรื่อง ไม่ใช้ภาษาในการแก้ไขปัญหา และการเรียนรู้ |
เพื่อเตรียมความพร้อมให้ลูกพูดได้ชัดเจน พ่อแม่สามารถช่วยได้ โดยปฏิบัติดังนี้
- ฟังลูกพูด - ให้เวลารับฟังเวลาลูกพูดด้วย และถ้าลูกพูดแล้วฟังไม่รู้เรื่อง ต้องบอกให้ลูกรู้ตัวและเข้าใจถึงเสียงที่พูดผิดและช่วยแก้ไข อย่าปล่อยให้ลูกใช้การพูดที่ผิด ๆ ต่อไป เพราะเด็กจะมีนิสัยการเรียนรู้การพูดผิดโดยไม่รู้ตัว
- ยอมรับถ้าลูกพูดไม่ชัด - เด็กแต่ละคนมีระดับพัฒนาการทางการพูดไม่เท่ากัน ถ้าลูกพูดไม่ชัด พ่อแม่ต้องพูดคำหรือเสียงที่ถูกต้อง และให้ลูกพูดตาม ต้องกระตุ้นพัฒนาการทางการพูดของลูกให้เหมาะสมในแต่ละช่วงของการพัฒนา แต่ไม่เร่งลูกมากเกินไป
- พูดอย่างชัดเจน - เป็นแบบอย่างที่ดีในการพูด พ่อแม่ไม่จำเป็นต้องรบเร้าให้ลูกพูดตามทุกครั้งที่พูดไม่ชัดหรือพูดผิด แต่พ่อแม่ต้องพูดอย่างชัดเจนถูกต้องและเป็นแบบอย่างที่ดีในการพูด
- ถ้าลูกมีปัญหาการได้ยินต้องแก้ไข - ถึงแม้เด็กจะมีปัญหาการได้ยินไม่ชัดแบบชั่วคราวก็ตาม แต่ก็จะมีผลต่อการพูดชัดและการใช้ภาษา พ่อแม่ควรพูดประโยคสั้น ๆ อย่างช้า ๆ และแน่ใจว่าลูกเข้าใจในสิ่งที่พ่อแม่พูดด้วย
- ถ้าพ่อแม่มีความกังวลใจต่อการพูดและการใช้ภาษาของลูก - ควรพาลูกไปพบนักอรรถบำบัดเพื่อรับการประเมินการพูด และรับคำแนะนำเพื่อนำมาปฏิบัติ
นอกจากนี้พ่อแม่อาจจะสงสัยว่า เมื่อไรควรจะเริ่มพาลูกมาพบนักอรรถบำบัด ต้องรอให้ลูกพูดได้ก่อนไหม จริง ๆ แล้วนักอรรถบำบัดจะนัดพบพ่อแม่ของเด็กในช่วงระยะเวลาที่สอดคล้องกับที่เด็กจะได้รับการผ่าตัด กล่าวคือ จะเริ่มให้คำแนะนำพ่อแม่ตั้งแต่เด็กอายุ 3 เดือน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เด็กจะได้รับการผ่าตัดปิดปากแหว่ง และจะนัดทุกๆ 3 เดือน จนกระทั่งเด็กอายุ 12 เดือน ซึ่งเป็นช่วงที่เด็กจะได้รับการผ่าตัดปิดเพดานโหว่ (โดยปกติ อยู่ในช่วงอายุระหว่าง 9-12 เดือน) และจะนัดทุก ๆ 6 เดือนจนเด็กอายุ 3 ปี
การนัดหมายและการให้คำแนะนำในช่วงก่อนวัยเรียนมีแนวทางปฏิบัติ ดังตาราง
ช่วงอายุ | การปฏิบัติทางอรรถบำบัด |
---|---|
3 เดือน | ให้คำแนะนำการฝึก บริหารอวัยวะในการดูด กลืน เคี้ยว เป่า |
6 เดือน | และฝึกการเปล่งเสียง ตามขั้นตอนของการพัฒนาการพูด |
9 เดือน | และภาษาปกติเพื่อเป็นการเตรียมการใช้อวัยวะเหล่านี้ สำหรับเป็นพื้นฐานของ การพูดอย่างชัดเจนต่อไป |
12 เดือน, 18 เดือน, 24 เดือน |
กระตุ้นพัฒนาการทางภาษาและการพูด |
30 เดือน | เริ่มแก้ไขการเปล่งเสียงที่ไม่ถูกต้อง |
36 เดือน | ฝึกแก้ไขเสียงที่ไม่ชัด และการใช้ภาษาที่ไม่ถูกต้อง |
เมื่อเด็กอายุ 3 ปี จะได้รับการประเมินว่าพูดได้ชัดหรือไม่
โดยเด็กจะได้รับการทดสอบการเปล่งเสียงพูดในระดับคำ (articulation test) เพื่อเปรียบเทียบกับพัฒนาการทางการพูดของเด็กปกติ และเป็นพื้นฐานในการแก้ไขเสียงพูดที่ไม่ชัด หลังจากนี้การนัดหมายจะขึ้นอยู่กับความผิดปกติและระดับความรุนแรงทางการพูดและพัฒนาการทางภาษาของเด็กแต่ละราย
ถ้าเด็กรายใดต้องได้รับการฝึกแก้ไขการพูด เด็กจะได้รับการประเมินการพูดชัด คุณภาพเสียง และจังหวะการพูดเมื่ออายุ 5 ปี
โดยเด็กต้องผ่านการทดสอบการพูดชัดด้วยแบบทดสอบการพูดชัดของจุฬา (Chula articulation test หรือย่อว่า Chula-Art.) ซึ่งเป็นแบบทดสอบการพูดชัดเฉพาะสำหรับเด็กปากแหว่งเพดานโหว่ไทย และประเมินคุณภาพเสียงว่ามีปัญหาเสียงขึ้นจมูก เสียงก้องในจมูก หรือเสียงอู้อี้หรือไม่ โดยการทดสอบเสียงนาสิกซึ่งอาจใช้เครื่องมือ nasometer หรือใช้การประเมินจากแบบทดสอบเสียงนาสิก 7 ระดับของจุฬา (Chula 7 point scale nasality test) นอกจากนี้ นักอรรถบำบัดจะได้สังเกตพฤติกรรมการพูด การใช้ภาษา และการสื่อสารโดยรวมของเด็ก ฉะนั้นพ่อแม่ควรพาเด็กปากแหว่ง-เพดานโหว่มาพบนักอรรถบำบัดตามระยะเวลา และปฏิบัติตามข้อแนะนำ เพื่อให้เด็กมีพัฒนาการทางการพูดและภาษาปกติ หรือให้มีปัญหาน้อยที่สุดก่อนเด็กเข้าเรียน เพื่อเด็กจะมีความมั่นใจในการพูด สามารถสื่อสารและเข้ากลุ่มกับเพื่อนได้เมื่อถึงวัยเข้าเรียน และไม่ต้องกลับมาบอกพ่อแม่ว่า "หนูถูกเพื่อนล้อว่าพูดไม่ชัด"